วันพุธที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

คู่รักไทยทำสถิติจูบนานที่สุดในโลก




จูบฉลองวาเลนไทน์ เป็นสถิติโลกใหม่ Guinness World Record

14 คู่รัก ร่วมเข้าแข่งขันจูบมาราธอน ในวันแห่งความรัก ที่เมืองพัทยา สร้างสถิติโลกใหม่จูบต่อเนื่องยาวนาน ( The longest continuous kiss)

สถิติโลกจูบต่อเนื่องยาวนานเดิมเป็นของ คู่รัก ในเยอรมัน ที่ทำสถิติไว้ 32 ชั่วโมง 7 นาที 14 วินาที ในปี 2009 ถูกทำลายลงอย่างสิ้นเชิงเมื่อ 7 คู่รัก ในเมืองพัทยา สามารถทำสถิติจูบมาราธอนผ่านสถิติเดิมเป็นที่เรียบร้อย และการแข่งขันยังคงดำเนินต่อไป

รายการจูบมาราธอน เริ่มต้นเวลา 06.00 น. ของวันที่ 13 กุมภาพันธ์ โดยริมฝีปากของคู่รักที่เข้าแข่งขันจะต้องสัมผัสกันอยู่ตลอดเวลาในท่ายืนจูบ โดยอนุญาติให้รับประทานอาหาร ดื่มน้ำ หรือเข้าห้องน้ำได้แต่การจูบจะต้องเป็นไปอย่างต่อเนื่อง

ผู้ชนะในรายการจูบมาราธอนทำลายสถิติโลก ฉลองวันแห่งความรัก จะได้รับรางวัลเงินสด 100,000 บาท พร้อมแหวนเพชรมูลค่า 50,000 บาท
ล่าสุด การแข่งขันได้จบลงในเวลา 04.30 น. ของวันที่ 15 กุมภาพันธ์ โดยคู่รักที่ทำสถิติจูบมาราธอน คือ ลักษะณา ติรณะรัต และ เอกชัย ติรณะรัต โดยทำสถิติ “World’s Longest Continuous Kiss” ไว้ที่ที่ 46 ชั่วโมง 22นาที 09 วินาที

ที่มา : http://www2.nurnia.com/41677/02/thai-social-political-economic/

วิธีเพิ่ม ความจำ ให้ สมอง



'สมอง' ก็เหมือนส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย ที่ต้องออกกำลังบริหารอยู่เสมอ เพื่อให้คงอยู่ในสภาพดี นอกจากจะส่งผลให้สมองโลดแล่นแล้ว ยังส่งผลต่อประสิทธิภาพของการจดจำด้วย

สำหรับใครที่เป็นคนขี้หลงขี้ลืม อาจเป็นเพราะละเลยการบำรุงสมองไป ‘เกร็ดน่ารู้’ สัปดาห์นี้ มีวิธีเพิ่มความจำ ให้สมอง ด้วยหลักปฏิบัติง่าย ๆ มาฝากกัน

1.อาหารเพิ่มความจำ อยู่ในอาหารกลุ่มวิตามินบี เช่น นมพร่องมันเนย กล้วย ธัญพืชไม่ขัดสี ถั่วต่าง ๆ ผัก ผลไม้ ช่วยป้องกันสมองเสื่อม ความจำเลอะเลือน

- กลุ่มธาตุเหล็ก เช่น เนื้อสัตว์ อาหารทะเล มีผลต่อไอคิว ช่วยกระตุ้นการทำงานของสมองซีกซ้าย ซึ่งเกี่ยวกับระบบการคิด

- ไข่แดง ตับ ถั่วลิสง เนยถั่ว บำรุงเซลล์สมอง

- ปลาที่มีโอเมก้า 3 อาทิ ปลาแซลมอน ปลาซาร์ดีน และปลาแมคคอเรล ช่วยป้องกันความจำเสื่อม

2.ออกกำลังเพิ่มความจำ การออกกำลังกายจะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ทำให้เลือดนำออกซิเจนไปเลี้ยงสมองได้ดียิ่งขึ้น ทั้งนี้ ควรออกกำลังกายให้หลากหลายประเภท เพื่อกระตุ้นการเรียนรู้ของสมองจากการฝึกฝนทักษะใหม่ ๆ เช่น การเดิน วิ่ง ขี่จักรยาน เต้นแอโรบิก หรือว่ายน้ำ เป็นต้น

3.นอนให้เพียงพอ อย่างน้อยวันละ 8 ชั่วโมง จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของสมอง เซลล์ประสาทจะสื่อสารกันได้มากขึ้น ส่งผลต่อการเรียนรู้และความจำ

4.บริหารสมอง อาทิ การเล่นหมากรุก หมากล้อม เล่นเกมคอร์สเวิร์ด ฯลฯ ซึ่งต้องใช้ความคิด เซลล์สมองจะเจริญเติบโตมากขึ้น ความสามารถในการจำก็จะดีขึ้นด้วย

หลักง่าย ๆ ทำให้เป็นกิจวัตรประจำวัน เพียงเท่านี้...ไม่ว่าจะอายุมากแค่ไหน สมองก็ยังมีประสิทธิภาพ ความจำก็ยังดีอยู่เสมอ.

'รัตติกาล'
ที่มา เดลินิวส์ ออนไลน์



ระบบ หลอดเลือดและหัวใจของมนุษย์เป็นเครือข่ายขนาด ใหญ่ ประกอบด้วยหลอดเลือดมากมายมหาศาล หากเอาหลอดเลือด ของคนหนึ่งคนมาต่อกันตามยาว จะได้ระยะทางทั้งสิ้นถึง 96,000 กิโลเมตร ยาวพอที่จะนำไปพันรอบโลกได้สองรอบครึ่ง

มนุษย์ที่โตเต็มวัยจะมี เลือดราว 5 ลิตร อยู่ในหลอดเลือดดำ 3.75 ลิตร ในหลอดเลือดแดง 1 ลิตร และในหลอดเลือดฝอย 0.25 ลิตร เลือดทั้งหมดประกอบด้วยของเหลวคล้ายน้ำเรียกพลาสม่า มีเซลล์เม็ดเลือดแดง 30 ล้านล้านเซลล์ ลอยกระจายอยู่ทั่วไป เพื่อขนส่งออกซิเจน มีเม็ดเลือดขาวที่ทำหน้าที่ต่อสู้เชื้อโรค คุ้มกันภัยให้แก่ร่างกาย และมีเกล็ดเลือดที่คอยอุดแผล ทำให้เลือดแข็งตัวเมื่อเกิดบาดแผล

หัวใจ และหลอดเลือดจะทำงานประสานต่อเนื่องกัน เพื่อนำออกซิเจนและสารอาหารในกระแสเลือดไปยังทุกเซลล์ในร่างกาย และดึงของเสียหรือขยะออกมาทิ้งผ่านการหายใจ ปัสสาวะ อุจจาระ และการขับเหงื่อ ดังนั้นหัวใจจึงต้องทำงานหนักมาก และไม่มีโอกาสพักผ่อนเช่นอวัยวะชิ้นอื่น ในปีหนึ่งหัวใจ จะบีบตัวราว 3 ล้านครั้ง

ใครที่ไม่เป็นโรคหัวใจ เห็นทีจะต้องกล่าวขอบคุณหัวใจสักครั้ง ที่ทำหน้าที่โดยซื่อสัตย์
โถ...เอ่ยปากขอบคุณคนได้ทั่วไป แค่ขอบคุณหัวใจตนเองบ้างจะเป็นไรไป

แรก สุด หัวใจจะส่งเลือดไปที่ปอดเพื่อให้เม็ดเลือดแดงจับออกซิเจน ดังนั้นใครที่เม็ดเลือดแดงน้อยหรือเลือดจางจึงรู้สึกอ่อนแรง หน้ามืดเป็นลมง่ายเพราะในเลือดมีออกซิเจนน้อยนี่เอง
ต่อจากนั้น เลือดที่อิ่มด้วยออกซิเจนจะถูกลำเลียงไปทั่วร่างกาย และกลับคืนสู่หลอดเลือดดำหลังจากออกซิเจนถูกดึงไปใช้ประโยชน์ พร้อมกับชะเอาสิ่งสกปรกติดไม้ติดมือออกมาด้วย

เชื่อหรือไม่ เลือดเดินทางจากหัวใจไปปอดผ่านเส้นเลือดทั้งร่างกาย ที่มีความยาวกว่าสองรอบโลกด้วยเวลาเพียงหนึ่งนาที
จึงกล่าวได้ว่า ร่างกายของมนุษย์เป็นเครื่องจักรที่มีคุณภาพยิ่ง ทำงานสอดประสานสมดุลกัน เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน

ที่มา : http://www.chiangmaithailand.tht.in/aticle28.html

เกร็ดความรู้..เพื่อสุขภาพ




1. เรื่องขวดน้ำพลาสติกที่บรรจุน้ำดื่มที่ขาย ๆ กันตามห้างสรรพสินค้า

เซ เว่นอีเลฟเว่น รวมทั้งที่ไปเติมน้ำมันครบ 800 แถมน้ำ 1 ขวด อะไรทำนองนั้น ปัจจุบันเพิ่งมีคนตายเพราะการนำขวดพลาสติกดังกล่าวไปบรรจุน้ำดื่มครั้งแล้ว ครั้งเล่า โดยสารพิษชนิดหนึ่ง สามารถละลายออกมาปะปนกับน้ำดื่ม เนื่องจากขวดประเภทนี้ถูกออกแบบมาเพื่อใช้ครั้งเดียว อายุการใช้งานสั้น ๆ เท่านั้น ดังนั้นจึงไม่สมควรเสียดาย นำมาบรรจุน้ำดื่มอีก รวมทั้งน้ำที่มากับขวด หากแม้ว่าเปิดกินไม่หมดแล้วเก็บไว้ในรถยนต์ ซึ่งรถดังกล่าวอาจจอดที่ ๆ ร้อน ๆ ความร้อนก็มีผลกับสารพิษที่มากับขวดได้ ดังนั้นเมื่อเปิดดื่มแล้ว ควรดื่มให้หมดภายในระยะเวลา 1 สัปดาห์ โดยเฉพาะหากเก็บขวดนั้นไว้ที่ร้อน ๆ ถ้าเก็บที่อุณหภูมิห้องจะปลอดภัยกว่า

2. ม่านพลาสติกที่แขวนในห้องน้ำเพื่อกั้นพื้นที่แห้ง กับเปียก

มี ข่าวแจ้งมาว่ามีนักจุลชีววิทยา คนนึงในต่างประเทศ เค้าสังเกตว่าที่ม่านพลาสติกมีคราบดำ ๆ ทีแรกเค้าคิดว่าเป็นคราบสบู่ เค้าลองขูดแล้วเอาไปส่องกล้อง ปรากฏว่าคราบดำ ๆ ดังกล่าวเป็นแบตทีเรียชนิดร้ายแรง ที่เติบโตโดยอาศัย การผายลม การเลอ การไอ จาม ของมนุษย์เรานี่แหละ เป็นอาหารอย่างดีของมัน เค้าแนะนำว่า เราควรถอดไปซัก อาทิตย์ละครั้ง หรือ เดือนละ 2 ครั้งก็ได้ หรือถ้าไม่มีเวลาก็เดือนละครั้งก็ยังดี นอกจากนี้เค้าเตือนว่า อะไรที่เป็นพลาสติกก็เข้าข่ายเหมียนกัลลลล....ล
โดย เจ้าเชื้อโรคเนี่ยมันจะเข้ามาทำอันตรายเราก็ต่อเมื่อ เราป่วย มีบาดแผล คนแก่ คนที่ผ่าตัดเปลี่ยนอวัยวะ แล้วต้องกินยากดภูมิคุ้มกัน

3. เรื่องคนนอนดึก

เรา ควรพักผ่อนเข้านอนเวลา 3 ทุ่ม เนื่องจากร่างกายเราต้องการเวลาในการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ ขับของเสียตามอวัยวะต่าง ๆ ย่อยอาหารให้หมด ถ้ากินมื้อหนักตอนกลางคืน แถมนอนดึกอีก รับรองว่าอ้วนพุงพุ้ย แน่นอน ไขมันเผาผลาญไม่หมดมันเลยสะสมอ่ะ แต่ถ้านอนดึกเลี่ยงไม่ได้ เพราะขนงานมาทำ หรือติดงานอะไรก็ตาม ควรปฏิบัติดังนี้

3.1 งดเนื้อสัตว์ เช่น เนื้อวัว เนื้อหมู ไก่ เพราะย่อยยาก ลำไส้ต้องทำงานหนัก

3.2 หากเราอยากกินเนื้อสัตว์ ก็ควรช่วยลำไส้ด้วยการเคี้ยวให้ละเอียด ยิ่งเคี้ยวละเอียด ยิ่งดี จะได้แบ่งเบาภาระลำไส้

3.3 ดื่มน้ำขิง ผสม น้ำผึ้ง อุ่น ๆ หรือ น้ำอุ่นธรรมดา + น้ำผึ้ง หรือถ้าไม่มีอะไรเลย น้ำอุ่นธรรมดา สัก 1 แก้วก็ได้ เหมียน กัลลล...ล

3.4 เวลานอน ควรทำให้ช่วงท้อง / ฝ่าเท้าอุ่น โดยการห่มผ้า

3.5 ที่จริงมื้อดึก ควรเป็นมื้อเบา ๆ อย่างเช่น ผัก ผลไม้ นม ไข่ เนื้อปลา จะดีกว่า

3.6 ควรเลี่ยงน้ำเย็น น้ำอัดลม เพราะเพิ่มภาระให้ระบบภายในร่างกาย ร่างกายเราต้องความร้อนเพราะช่วยในการย่อยอาหาร หากดื่มแต่น้ำเย็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังมื้ออาหาร จะทำให้ร่างกายเราต้องพยายามปรับอุณหภูมิ ให้อุ่นเหมาะสมก่อน แล้วจึงนำไปใช้ การดื่มน้ำอัดลมก็ไม่มีประโยชน์อะไร เพิ่มกรดให้ร่างกาย แถมมีน้ำตาลที่สะสมตามร่างกายอีก

**** ถ้าอยากกินเนื้อสัตว์ ควรกินเวลา 7.00 น - 9.00 น. เนื่องจากกระเพาะเรามีสภาพเป็นกรดสูงมากที่สุด ดังนั้นมื้อเช้าจะจำเป็นมาก ๆ ถ้าอดมื้อเช้าไปนาน ๆ ขั้วกระเพาะเราจะเป็นปุ่มปม และนานเข้า ๆ ก็กลายเป็นมะเร็งในกระเพาะ

อย่าลืมดื่มน้ำให้ได้วันละ 8 แก้วนะ น้ำสะอาดจะช่วยล้างของเสีย ออกจากร่างกาย อย่าขี้เกียจลุกไปห้องน้ำเด็ดขาด

ห้ามอดหลับอดนอนตั้งแต่ ตีหนึ่ง เด็ดขาด เนื่องจาก ถุงน้ำดีกำลังย่อยไขมัน ถ้าอดนอนเวลานี้บ่อย ๆ จะเป็นนิ่วในถุงน้ำดี

ห้าม กินนมตอนเช้า แทนข้าวเช้า เนื่องจาก ตอนเช้ากระเพาะเป็นกรดสูงมาก นึกสภาพดูหากเราบีบน้ำมะนาวลงในนม จะเกิดปฏิกิริยาทางเคมี กลายเป็นคอลลอยด์ มันไม่ย่อย นะจ๊ะ ถ้าดื่มนมตอนท้องว่างแบบนี้ติดต่อกันเป็นประจำแทนข้าวเช้า ระวังมะเร็งในไขกระดูกนะจ๊ะ แต่ถ้าเป็นช่วงหลังอาหารเช้า หรือ ตอนบ่ายไปแล้ว หรือตอนเย็นดื่มได้ตามปกติจ้า มื้อเย็นอาจเป็นมื้อง่าย ๆ อย่างนม กับไข่ก็ไม่ว่ากัน

ถั่วต่าง ๆ รวมทั้งธัญพืชสารพัดอย่าง เช่น ลูกเดือย ข้าวฟ่าง ฯลฯ มีประโยชน์ต่อลำไส้ คือ ช่วยกวาดเชื้อโรค + แบตทีเรียชนิดไม่ดี ออกจากลำไส้เรา ควรกิน อาทิตย์ละครั้ง อย่างน้อย

พืชผักสีเขียว มีคลอโรฟิว ช่วยทำให้เม็ดเลือดลำเลียงออกซิเจนไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้ดี เซลแต่ละเซลล์จะแข็งแรงเมื่อมีออกซิเจนไปหล่อเลี้ยง
ก่อนเอาผักมากิน เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีสารพิษ อย่าลืมแช่น้ำส้มสายชู 45 นาทีนะจ๊ะ

ขอให้ถนอมสุขภาพร่างกายของเราให้ดีกันทุกคนนะจ๊ะ ด้วยความปรารถนาดี
ไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสร็จจ้า

วันโกหกโลก April Fool's Day






วันเอพริลฟูลส์ (April Fool's Day) หรือเรียกในชื่ออื่นว่า วันเมษาหน้าโง่, วันโกหกเดือนเมษายน, วันเทศกาลคนโง่ เป็นเทศกาลในวันที่ 1 เมษายน วันนี้เป็นวันที่จะอนุญาตให้โกหกต่อกันได้ โดยไม่ถือโกรธ ในหน้าหนังสือพิมพ์ฉบับของวันนี้ อาจมีเหตุการณ์น่าตกใจ ตื่นเต้นเป็นหัวข้อข่าว แต่แล้วในวันรุ่งขึ้นต่อมา จึงได้เฉลยว่าข่าวที่ลงไปนั้นไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด เทศกาลนี้เริ่มขึ้นที่ประเทศฝรั่งเศสและเป็นที่นิยมกันไปทั่วโลก ในประเทศไทยเริ่มเป็นที่นิยมกันมากขึ้นเรื่อยๆ


วันโกหก มีชื่อเรียกว่า วันเมษาฯ หน้าโง่ หรือ April’s Fool Day ประวัติของวันๆนี้ เริ่มต้นที่ประเทศฝรั่งเศส ในยุคศตวรรษที่ 16 ตอนนั้นชาวฝรั่งเศสมีวันปีใหม่ตรงกับวันที่ 1 เมษายน

กระทั่งมาถึง ค.ศ.1562 โป๊ป เกรกอรี จึงกำหนดให้ชาวคริสต์ทั่วโลกฉลองวันปีใหม่พร้อมกันวันที่ 1มกราคม

คราว นี้สมัยก่อน ข่าวสารไม่ได้กระจายรวดเร็วเหมือนสมัยนี้ คนบ้านนอกของฝรั่งเศสบางกลุ่มยังไม่รู้ แถมบางคนได้ยินแล้วก็ยังไม่เชื่อ เลยฉลองวันปีใหม่กันวันที่ 1 เมษาฯเหมือนเดิม ทำให้พวกไม่ตกยุคเย้ยหยันพวกตกยุคว่า “หน้าโง่” แถมยังพยายามจะแกล้งหลอกคนกลุ่มนี้เพื่อความสนุกสนานอีกด้วย

วันที่ 1 เมษาฯ ก็เลยกลายเป็นวันที่คนแกล้งหลอกกันด้วยการแต่งเรื่องอะไรก็ไดมาหลอกให้คน อื่นหลงเชื่อ จากนั้นค่อยเฉลยในตอนท้าย ซึ่งเรื่องที่เอามาหลอกนั้นจะต้องไม่ทำให้อีกฝ่ายถึงกับเลือดตกยางออก และคนที่ถูกหลอกจะต้องไม่โกรธด้วย เพราะถือว่า วันนี้เป็นวันพิเศษ ยกเว้นให้หนึ่งวัน

ที่มา : http://guru.google.co.th/guru/thread?tid=480094ac6214cb9c

วันสงกรานต์



สงกรานต์ แปลว่า การย้ายที่ คือ เป็นวันที่พระอาทิตย์โครจรย้ายจากราศีมีนเข้าสู่ราศีเมษ เป็นวันเปลี่ยนจุลศักราชใหม่ ตามการคำนวณของผู้รู้ทางโหราศาสตร์ ซึ่งจะตรงกับวันขึ้น 1 คำ เดือน 5 แต่การนับวันทางจันทรคตินี้ เมื่อเทียบกับวันทางสุริยคติ ในแต่ละปีจะไม่ตรงกัน จึงถือเอาวันที่ 13 เมษายนของทุกปี เป็นวันสงกรานต์ แต่เดิมเราถือเอาวันสงกรานต์ เป็นวันปีใหม่ของไทย และแม้ว่าในปัจจุบันได้เปลี่ยนไปถือเอาวันที่ 1 มกราคม เป็นวันขึ้นปีใหม่ตามสากลเพื่อให้สอดคล้องกับนานาอารยปนะเทศ แต่ก็ยังยึดถือเอาวันสงกรานต์เป็นวันขึ้นปีใหม่มาจนถึงทุกวันนี้ และยังถือว่าวันที่ 15 เมษายน เป็นวันครอบครัวอีกด้วย

ประเพณีวันสงกรานต์ปกติมีทั้งหมด๓วัน คือเริ่มตั้งแต่วันที่ ๑๓ เมษายน ถึง ๑๕ เมษายน โดยถือเอาวันที่ ๑๓ เป็นวันต้น หรือวันมหาสงกรานต์ วันที่ ๑๔ เป็นวันเนาหรือวันกลาง และวันที่ ๑๕ เป็นวันเถลิงศก หรือวันสุดท้าย แต่วันต้นวันเนาวันเถลิงศกนี้ หากนับทางจันทรคติหรือคำนวณทางโหราศาสตร์อาจจะคลาดเคลื่อนกันบ้างในแต่ละปี

ความสำคัญของวันสงกรานต์

1. เป็นวันหยุดพักผ่อนประจำปี

2. เป็นวันทำบุญสร้างกุศล และประกอบพิะกรรมทางศาสน

3. เป็นวันอนุรักษ์และสืบสานวัฒนธรรมไทย

4. เป็นวันแสดงวันกตัญญูกตเวที ระลึกถึงผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว

5. เป็นวันครอบครัว วันรวมญาติและวันผู้สูงอายุ

6. เป็นวันอนุรักษ์พันธุ์สัตว์

ที่มา : http://www.thaigoodview.com/library/studentshow/st2545/5-5/no27/songkran.html

เกมค้นหาอุปกรณ์กีฬา




ดาวส์โหลดเกมที่นี่ โหลด

วันอังคารที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

สต๊อกสินค้า



ดาวส์โหลดที่นี่ โหลด